- กรณียังไม่หมดสถานภาพนิสิตให้ยื่นคำร้องขอได้โดยไม่ต้องให้อาจารย์ลงนามรับทราบ พร้อมแนบบัตรเก่า
- กรณีที่หมดสถานภาพนิสิตแล้ว (ไม่สำเร็จการศึกษาภายในระยะเวลาที่กำหนด) ให้ดำเนินการเรื่องขอเข้าศึกษาใหม่กรณีพิเศษหรือคืนสถานภาพนิสิตก่อน หลังจากเรื่องอนุมัติแล้วจึงจะมีสิทธิขอทำบัตรประจำตัวนิสิตใหม่ได้
- ไม่สามารถสำเร็จการศึกษาได้ภายในระยะเวลา 1 ปี หลังจากที่ได้รับอนุมัติให้เข้าศึกษาใหม่เป็นกรณีพิเศษ
- สอบปากเปล่าขั้นสุดท้าย หรือสอบประมวลความรู้สำหรับนิสิตแผน ข แล้ว แต่ไม่สามารถส่งเอกสารขอจบได้ภายในระยะเวลาที่ศึกษา (4 หรือ 5 ปี สำหรับนิสิตรหัสต่ำกว่า 48 และ 5 หรือ 6 ปี สำหรับนิสิตรหัส 48 เป็นต้นไป)
- นิสิตภาคปกติ ยื่นคำร้องคืนสถานภาพนิสิตพร้อมชำระค่าธรรมเนียมในการคืนสถานภาพนิสิต 3,000 บาท
- ไม่อยู่ระหว่างรอผลสอบประมวลความรู้/สอบวัดคุณสมบัติ ครั้งที่ 2
- ไม่ได้เป็นนิสิตทดลองเรียนที่รอผลสอบปลายภาค
- ไม่อยู่ระหว่างการรับทุนการศึกษาจากบัณฑิตวิทยาลัยหรือติดเงื่อนไขทุนจากหน่วยงานอื่น
- ไม่มีหนี้สินกับสำนักหอสมุดกลาง
- ต้องคืนบัตรนิสิตแก่บัณฑิตวิทยาลัยด้วย
- ต้องได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษา และหัวหน้าภาควิชาหรือประธานสาขาวิชา
- ไม่หมดสถานภาพนิสิต
- นิสิตสามัญที่จะขอเปลี่ยนสาขาวิชาเอก ต้องเรียนในสาขาวิชาเอกเดิมมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ภาคการศึกษาปกติ ทั้งนี้ต้องได้แต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 3.00 โดยนับทุกรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียน
- ต้องได้รับความเห็นชอบจากภาควิชาหรือสาขาวิชาที่รับผิดชอบสาขาวิชาเอกเดิม และภาควิชาหรือสาขาวิชาที่รับผิดชอบในสาขาวิชาเอกใหม่
- นิสิตทดลองเรียนไม่มีสิทธิขอเปลี่ยนสาขาวิชาเอก
การเทียบโอนรายวิชาให้ปฏิบัติตามข้อบังคับฯ พ.ศ. 2556 ข้อ 24 และแนวปฏิบัติเพิ่มเติมดังนี้
- นิสิตที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี มาศึกษาในหลักสูตรระดับปริญญาเอก และต่อมาขอย้ายมาเรียนหลักสูตรระดับปริญญาโทในสาขาวิชาเดียวกัน (มีรหัสประจำตัวนิสิตใหม่) สามารถโอนรายวิชาได้ทั้งหมด
- นิสิตที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี มาศึกษาหลักสูตรระดับปริญญาโท และต่อมาขอย้ายมาเรียนหลักสูตรระดับปริญญาเอกในสาขาวิชาเดียวกัน (มีรหัสประจำตัวนิสิตใหม่) สามารถโอนรายวิชาได้ทั้งหมด
- นิสิตที่ขอลาออก และสอบเข้ามาศึกษาใหม่ในสาขาวิชาเดิม ไม่สามารถโอนรายวิชาได้
- นิสิตที่เรียนรายวิชาครบแล้ว และถูกคัดชื่อออกเพราะสอบประมวลความรู้ไม่ผ่าน 2 ครั้ง หากสอบเข้ามาศึกษาใหม่ ไม่สามารถโอนรายวิชาได้
- นิสิตปริญญาโทที่สำเร็จการศึกษาไปแล้ว และเข้ามาเรียนปริญญาโทอีกสาขาหนึ่ง สามารถโอนหรือเทียบรายวิชาภาษาอังกฤษได้ภายใน 3 ปีนับจากวันที่ได้รับอนุมัติปริญญา
- นิสิตที่ขอย้ายสาขาวิชาเอกจากหลักสูตรปกติไปหลักสูตรนานาชาติ หรือจากหลักสูตรนานาชาติไปหลักสูตรปกติ ไม่สามารถโอนรายวิชาได้
การเทียบผลสอบภาษาอังกฤษของ TOEFL หรือ IELTS หรือ CU-TEP หรือ KU-EPT หรือ KU-TOEFL-ITP ถ้าสอบก่อนที่จะเป็นนิสิตบัณฑิตวิทยาลัย ผลการสอบนั้นนำมาขอเทียบได้ ถ้ามีอายุไม่เกิน 2 ปี นับจากวันสอบถึงวันขอเทียบ และถ้าสอบเมื่อเป็นนิสิตแล้ว จะนำผลสอบมาขอเทียบได้ในระยะเวลา 2 ปี นับจากวันสอบจนถึงวันขอเทียบ โดยมีผลคะแนน ดังนี้
TOEFL
- Paper-based Test section ที่ 2 และ 3 ไม่น้อยกว่า section ละ 45 คะแนน
- Paper-based Total ไม่น้อยกว่า 450
- Computer-based Test section ที่ 2 14 คะแนน และ section ที่ 3 13 คะแนน
- Computer-based Total ไม่น้อยกว่า 133
- Internet-based Total ไม่น้อยกว่า 45
IELTS คะแนนไม่น้อยกว่า 5.0
CU-TEP คะแนนไม่น้อยกว่า 45
KU-EPT คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50
KU-TOEFL-ITP คะแนนไม่น้อยกว่า 450 (เป็นผลคะแนนที่จัดสอบโดยคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)
บัณฑิตวิทยาลัยยกเว้นการเรียนภาษาอังกฤษตามความต้องการของบัณฑิตวิทยาลัยให้กับผู้ที่สำเร็จการศึกษาขั้นอุดมศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ หรือผู้ที่สำเร็จการศึกษาขั้นอุดมศึกษาจากสถาบันการศึกษา หลักสูตรภาษาอังกฤษในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี นับจากวันที่สำเร็จการศึกษา โดยต้องเป็นสถาบันที่ ก.พ. รับรอง
การเทียบผลสอบภาษาอังกฤษของ TOEFL หรือ IELTS หรือ CU-TEP หรือ KU-EPT หรือ KU-TOEFL-ITP
ถ้าสอบก่อนที่จะเป็นนิสิตบัณฑิตวิทยาลัย ผลการสอบนั้นนำมาขอเทียบได้ ถ้ามีอายุไม่เกิน 2 ปี นับจากวันสอบถึงวันขอเทียบ และถ้าสอบเมื่อเป็นนิสิตแล้ว จะนำผลสอบมาขอเทียบได้ในระยะเวลา 2 ปี นับจากวันสอบจนถึงวันขอเทียบ โดยมีผลคะแนน ดังนี้TOEFL มีคะแนนรวมของทุก Section ดังนี้
TOEFL มีคะแนนรวมของทุก Section ดังนี้
- Paper-based Total ไม่น้อยกว่า 500
- Computer-based Total ไม่น้อยกว่า 173
- Internet-based Total ไม่น้อยกว่า 61
IELTS คะแนนไม่น้อยกว่า 5.5
CU-TEP คะแนนไม่น้อยกว่า 67
KU-EPT คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 60
KU-TOEFL-ITP คะแนนไม่น้อยกว่า 500 (เป็นผลคะแนนที่จัดสอบโดยคณะมนุษยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)
การรับเทียบใบรับรองความรู้ภาษาอังกฤษให้ถือว่าผ่านทั้งข้อเขียนและปากเปล่า
KU-EPT คะแนนร้อยละ 55–59 เทียบผลผ่านเฉพาะข้อเขียนเท่านั้น
- สำหรับผู้มีสิทธิเข้าศึกษา/ข้าราชการที่หน่วยงานส่งตัวมาเรียน เพื่อแจ้งผลการรับเข้าศึกษาต่อหน่วยงานต้นสังกัด
- สำหรับผู้มีสิทธิเข้าศึกษาเพื่อยื่นขอทุนการศึกษาหรืออื่นๆ
- ให้ระบุตำแหน่งผู้บังคับบัญชาสูงสุดที่หน่วยงานสังกัดอยู่
- แจ้งหน่วยงานต้นสังกัดของท่าน ให้ทำหนังสืออนุญาตให้ลาศึกษาต่อส่งมายังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในภาคการศึกษาแรก เรียนถึง คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- สามารถขอได้คนละ 1 ฉบับเท่านั้น (ยกเว้นผู้มีสิทธิเข้าศึกษาที่ขอแจ้งหน่วยงานต้นสังกัดและขอทุนการศึกษา)
- มีหนังสือส่งตัวมาเรียนอนุญาตลาศึกษาจากหน่วยงานต้นสังกัด(กรณีที่หน่วยงานต้นสังกัดอนุญาตลาศึกษาต่อเป็นเวลา 1 ปีการศึกษา โปรดระบุในคำร้องทั่วไป (บว.01))
- ให้ระบุตำแหน่งผู้บังคับบัญชาที่ทำหนังสือถึงหน่วยงานต้นสังกัดในคำร้องทั่วไป (บว.01)
- นิสิตต้องกรอกข้อมูลรายงานความก้าวหน้าทางการศึกษาใน คำร้องทั่วไป (บว.01) ในกรณีที่เรียนรายวิชาครบตามหลักสูตรหรือยังคงเหลือที่ต้องศึกษารายวิชาเรียนและวิชา Thesis ให้ระบุรหัสวิชาและจำนวนหน่วยกิต คงเหลือที่ต้องศึกษาด้วย (สำหรับนิสิตเปลี่ยนแปลงแผนการเรียนและยังไม่ได้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงแผนการเรียน ให้ระบุรหัสวิชาเดิมและรหัสวิชาที่เปลี่ยนใหม่ด้วยในคำร้องทั่วไป (บว.01) ด้วย)
หมายเหตุ นิสิตสามารถตรวจสอบแผนการเรียนกับใบรายงานผลการเรียน เพื่อตรวจสอบว่าได้ศึกษารายวิชาเรียนครบตามหลักสูตรหรือไม่
- ข้าราชการที่หน่วยงานต้นสังกัดมีหนังสือส่งตัวให้มาศึกษาต่อ หากประสงค์จะขอหนังสือส่งตัวกลับเข้ารับราชการยังต้นสังกัดเดิมจะต้อง
- เรียนรายวิชาครบตามหลักสูตร (ยกว้นวิชา Thesis) และมีแต้มระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับฯ (นิสิตสามารถตรวจสอบแผนการเรียนกับใบรายงานผลการเรียน เพื่อตรวจสอบว่าได้ศึกษารายวิชาเรียนครบตามหลักสูตรหรือไม่ตามเงื่อนไข)
- สอบประมวลความรู้หรือวัดคุณสมบัติผ่าน
- ได้รับอนุมัติโครงการวิทยานิพนธ์แล้ว
- ระบุรายงานความก้าวหน้าทางการศึกษาใน คำร้องทั่วไป (บว.01) ตามข้อ 1-3 และตำแหน่งผู้บังคับบัญชาที่ทำหนังสือถึงหน่วยงานต้นสังกัดด้วย